Phone

Line

Wechat

Hide

ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับ Work-Life Balance

by | Feb 3, 2023 | Uncategorized

หากพูดถึงเรื่องความสมดุลระหว่างชีวิตหรือความเข้าใจผิดในชีวิตส่วนตัวกับการทำงานทุกคน คงต้องนึกถึงคำว่า Work-Life Balance และถ้าเจาะลึกเข้าไปการเข้าใจคำว่า บาลานซ์ น่าจะเข้าใจกันเกือบหมดเลยก็ว่าได้ เขาบอกว่า “บนโซเชียลส่วนใหญ่ตอนนี้ เข้าใจคำว่า เวิร์ก ไลฟ์ บาลานซ์ ผิด” ผมอ่านแล้วก็คิดในใจว่า มันจะผิดได้ยังไงทำงานแบบไม่เร่งรีบในแต่ละวันก็บาลานซ์แล้วหนิ ? นี่อาจเป็นสาเหตุที่คุณไม่ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวหลังเวลาเลิกงาน เพราะ คุณคิดว่า คุณเองสามารถทำทุกอย่างเองได้ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณต้องทำนะครับ

เรื่อง Work-Life Balance คือ เรื่องที่ผมพยายามบอกทีมงานเสมอว่า ทำในเวลางานนะแบ่งเวลาให้เป็นนะ พักผ่อนให้เยอะ เป็นเรื่องที่บอกกันย้ำ ๆ เพราะเราอยากให้ทีมงานของเราได้พักกันจริง ๆ แต่รู้ไหมครับ คำว่า เวิร์ก ไลฟ์ บาลานซ์ คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันเกือบหมดเลย ซึ่งจากวันนั้นที่ผมมีโอกาสได้อ่านบทความต่างประเทศบทความที่เขาถึงเรื่อง Work-Life Balance ที่คนเข้าใจผิดกันมากและเป็นปัญหาให้กับคนวัยทำงานส่วนใหญ่ ว่า เวิร์ก ไลฟ์ บาลานซ์ คือ การทำสามารถทำงานทุกอย่างได้ และถ้าใครติดตามผมตลอดผมจะบอกเสมอว่า “ความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำทุกเป็น หรือทำในปริมาณมาก”

ความสำเร็จมัน คือ การเลือกทำ การปฏิเสธให้เป็นเรือกโฟกัส อย่างในหนังสือ THE ONE THINK ที่รีวิวเมื่อสัปดาห์ก่อนในเพจสว่นตัวของผม กับประโยคที่ว่า I’m not a superhero ! คุณไม่ใช่ฮีโร่นะที่จะสามารถเสกทุกอย่างหรือทำทุกอย่างให้มันออกมาดีในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้น การสร้าง Balance ก็เช่นกันไม่ใช่ทุกสิ่งที่คุณต้องทำและวิธีเช็ก Balance ด้วยตนเองง่าย ๆ คือ คุณมีเวลาทำงานอดิเรกครั้งล่าสุดเมื่อไร ? วันนี้ผมจะมาเล่าถึง 5 สิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับ เวิร์ก ไลฟ์ บาลานซ์ ที่คุณยังไม่รู้และอาจจะให้คุณไม่ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวเท่าที่ควร

ความเข้าใจผิด

ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับ Work-Life Balance

1. Work-Life Balance ความหมายของความสมดุลระหว่างงาน vs ชีวิต

ความสมดุลงาน vs ชีวิต คือ การวางแผนทำงานไม่ให้กระทบกับการใช้ชีวิตส่วนตัว คนส่วนใหญ่มักคิดว่า งานและการใช้ชีวิตต้องมีน้ำหนักเท่ากันเปรียบเทียบได้กับเครื่องชั่งน้ำหนักแบบสมัยก่อน ที่ต้องให้สมดุลน้ำหนักเท่ากันทั้ง 2 อย่าง

ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ครับ ถ้าในวันนี้คุณเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งในค่ำคืนนั้นมีลูกค้าหลายท่านที่ต้องบริการ และคุณต้องเดินไปมาระหว่างห้องครัวกับโต๊ะอาหารพร้อมกับถือถาดกลมใหญ่ เพื่อเสิร์ฟอาหารมันยากและลำบากมากจริงไหมครับ ? ยิ่งไปกว่านั้นมันยากขึ้นอีกครับ เพราะลูกค้าแต่ละท่านทานไม่เหมือนกัน คุณจะทำอย่างไรให้อาหารเสิร์ฟได้เร็วที่สุดและคุณเหนื่อยน้อยที่สุด

นั่นแหละครับ ความสมดุลในการทำงานแต่ละวันไม่เหมือนกัน เหมือนกับเด็กเสิร์ฟคนนี้ คุณเพียงแค่ต้องรู้จักพลิกแพลง และหากลยุทธ์ทุกวัน เพื่อที่คุณจะได้ทำงานน้อยที่สุด แต่ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่งานและชีวิตต้องมีน้ำหนักเท่ากันครับ

2. WorK-Life Blance ความสามารถในการทำทุกอย่าง

แต่ความจริง คือ คุณสามารถทำทุกอย่างได้ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณต้องทำซึ่งในบทความที่ผมอ่านมาประโยคเมื่อสักครู่ได้อ้างอิงข้อความของ David Allen ประโยคนี้โดนใจผมมากครับ เพราะ การที่เราทำไปซะทุกอย่าง จนเยอะเกินไปไม่รู้จุดโฟกัสของตัวเองก็เหมือนการเพิ่มถาดเสิร์ฟให้ตัวเองเดินยากขึ้น เสี่ยงล้มมากขึ้น ดังนั้น ไม่ใช่การเพิ่มงานลงในถาดของคุณ แต่มันคือ “ การเลือกสิ่งที่สำคัญและจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น “ ต่างหากครับ

3. ใช้ชีวิตสวยหรูบน Social คือ ความสุข

สื่อโซเชียลในทุกวันนี้ ทำให้เราถูกปลูกฝังจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้มีแนวโน้มความเชื่อจากผู้มีอิทธิพล หรือคนดัง จนลืมความสมดุลในตัวเอง เราทุกคนต่างมีการต่อสู้ เรามีไลฟ์สไตล์ และความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน

เพียงเพราะคุณเห็นตัวอย่างชีวิตคนอื่นบน Social ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกคนก็เหมือนกับคุณ ทำงานหนักทุกวันเพื่อใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉะนั้น “จงพอใจกับชีวิตตนเองให้มากที่สุด” การใช้ชีวิตที่เป็นตัวเองให้มากที่สุดนั้นแหละ คือ ความสุขที่แท้จริง

4. ถ้าคนรอบข้างมีความสุข นั่นหมายถึงความ Balance ของเรา

คนส่วนใหญ่มักยึดติดกับชีวิตผู้อื่น เอาใจใส่ผู้อื่นหรือพยายามทำให้คนอื่นมีความสุข เพราะ คิดว่าเราก็จะมีความสุขและ Balance ในชีวิตก็จะดี จริง ๆ แล้วมันอาจไม่ใช่แบบนั้นนะครับ

ดังนั้นเมื่อคุณอยากสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานอย่างจริงจัง อย่าลืมใส่ตัวเองเข้าไปในสมการนั้น เพราะถ้าคุณไม่ทำคุณก็จะพบกับความเหนื่อยหน่ายทางจิตใจในที่สุด และสุดท้ายคุณก็จะพบว่าตัวเองไม่มีความสุขกับชีวิตเลย นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการมันจริง ๆ ถูกต้องไหมครับ

5. Work-Life Balance ของทุกคนหน้าตาเหมือนกัน

ความสมดุลของคุณ ไม่ได้เท่ากับหรือเหมือนกับคนอื่น สิ่งที่ไม่ควรทำคือมีความเชื่อว่า “ ถ้าเราใช้ทุกอย่างที่คนอื่นทำ เราจะประสบความสำเร็จ” สิ่งที่ควรทำจริง ๆ เมื่อคุณเริ่มมีความคิดแบบนี้ คือ ถอยออกมาและคิดว่าสิ่งนี้จะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่ ?

เพราะ การงาน อาชีพ ภาระ ครอบครัวของแต่ละคนแตกต่างกันสิ้นเชิง ดังนั้นสิ่งที่ใช้ได้ผลกับพวกเขาในตอนนี้อาจใช้ได้ผลสำหรับคุณ คุณต้องก้าวไปข้างหน้าและได้รับแรงบันดาลใจจากคนอื่น ลองใช้เคล็ดลับของพวกเขาและถ้ามันไม่ได้ผลสำหรับคุณ อย่ากล่าวโทษตัวเองว่าคุณทำอะไรผิด อาจเป็นเพราะไลฟ์สไตล์และลำดับความสำคัญของคุณต่างกัน

บทสรุป

จะเห็นได้ว่าการสร้าง Work-Life balance ไม่ใช่แค่เรื่องของความรับผิดชอบส่วนบุคคล ของคนทำงานแค่ฝ่ายเดียวอย่างที่เราเคยเข้าใจกัน พนักงานอาจจัดการตัวเองได้บางส่วน แต่องค์กรก็ต้องทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าภาระงานสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือมีความคาดหวังที่สมจริง (reallistic) มากแค่ไหน ไม่ใช่ทิ้งภาระงานที่ไม่สมเหตุสมผลไว้ให้พนักงานแล้วอ้างถึงความเป็นมืออาชีพที่ต้องสะสางภาระงานให้เสร็จไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็ตาม

แม้จะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการทำงานเป็นเวลานานอาจเป็นอันตรายต่อทั้งพนักงานและนายจ้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากยังคงพยายามเอาชนะความจริงข้อนี้และส่งเสริมทัศนคติที่ฝังรากลึกของพวกเขาเกี่ยวกับชั่วโมงทำงาน เราต้องปลดปล่อยตัวเองจากรูปแบบการทำงานที่ไม่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้ เข้าถึงสมดุลชีวิตและการทำงานที่ยั่งยืนและคุ้มค่ามากขึ้น

สิ่งสำคัญที่เราอาจจะต้องจำเอาไว้เลยก็คือ 5 ขั้นตอนด้านบนที่ช่วยให้เรามี Work-Life Balance ที่ดี ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่เป็นวัฏจักรที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมการทำงานที่ยาวนาน หรือยึดติดกับการวัดประสิทธิภาพการทำงานจากชั่วโมงงาน จากงานวิจัยสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย คือผู้คนสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างแท้จริง พวกเขาสำรวจอารมณ์ของตัวเอง เริ่มลำดับความสำคัญเสียใหม่ ประเมินทางเลือก และทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดชีวิตของพวกเขาและการทำงานเพื่อให้เกิดสมดุลขึ้นในท้ายที่สุด

Facebook fanpage : GeeHRM Line@ : 640vtamj Tiktok : GeeHRM Website: GeeHRM

en_USEN