Phone

Line

Wechat

Hide

10 พฤติกรรมสุดยี้ ที่ทุกองค์กรต่างส่ายหน้า

by | Sep 1, 2022 | Uncategorized | 0 comments

โปรแกรมบริหารงานบุคคล

ทุกองค์กรล้วนก็อยากร่วมงานกันพนักงานที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นส่วนช่วยให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีคุณภาพและประสบความสำเร็จ แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม ถ้าองค์กรนั้นๆ ต้องเจอพนักงานที่ไร้คุณภาพ ก็คงไม่อยากที่จะเก็บไว้ให้ต้องเสียโอกาสทางธุรกิจเช่นกัน สู้เอาเวลาไปมุ่งหน้าเฟ้นหาพนักงานคนอื่นๆ ที่มีความสามารถ มาเสริมทัพเสียดีกว่า โดยในวันนี้จะเราจะมาพูดถึง10 พฤติกรรมสุดยี้ ที่ทุกองค์กรต่างส่ายหน้าไม่อยากร่วมงานด้วย

1. คนที่ทำงานไปวันๆ

เริ่มต้นด้วยคนประเภทที่ทำงานแบบขอไปที ตื่นมาทำงานแล้วก็นับเวลารอเลิกงาน แต่ในระหว่างวันแทบไม่ใส่ใจในเนื้องาน หรือสนใจที่จะพัฒนาตนเองเลย หากเพื่อนร่วมงานประสบปัญหา ก็เลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่ยื่นมือเข้าช่วย หรือถ้าหากใครมาขอความช่วยเหลือ ก็มักจะบอกปัดแทบทุกครั้งไป หรือถ้าแย่ไปกว่านั้นก็คือ ถ้าหากตัวเองมีความผิด ก็จะไม่ยอมรับในความผิดนั้น แล้วป้ายสีให้คนอื่น หรือโทษลมโทษฟ้าไปเสียอย่างนั้น

2. นักวิจารณ์

บุคคลประเภทนี้มักมองทุกอย่างในแง่ลบอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องของงานหรือแม้กระทั่งเรื่องราวทั่วไปของบริษัท หากมีอะไรที่ไม่พอใจหรือไม่ถูกใจ เขาคนนี้ก็มักที่จะออกความเห็นหรือวิจารณ์เรื่องราวต่างๆ อย่างเสียหาย แถมยังมองว่าทุกสิ่งที่บริษัทเป็นเรื่องที่ผิดไปเสียหมด แต่ก็ยังทำงานรับเงินเดือนกับที่บริษัทนี้ต่อไปแบบขอไปที

3. คนที่ไม่พัฒนาตัวเอง

บางครั้งเรื่องราวของโอกาสดีๆ ไม่ได้มีมาบ่อยๆ แต่คนประเภทนี้มักไม่อยากก้าวออกจากกรอบ แม้บริษัทจะหยิบยื่นข้อเสนอดีๆให้ เช่น การส่งไปเทคคอร์สพิเศษ การส่งตัวไปศึกษาดูงาน หรือแม้กระทั่งการมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ เป็นต้น โดยคนพวกนี้มักปฏิเสธว่าตนเองไม่พร้อม ยังไม่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งจุดนี้ก็อาจทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ได้ เพราะจะไม่มีคนที่จะเข้ามารับผิดชอบในส่วนของงานที่มีการขยับขยายเพิ่มขึ้น

4. ป่วยทิพย์

แม้เรื่องของการลาป่วยจะมีสิทธิที่พนักงานทุกคนพึงได้รับตามกฎหมายที่ระบุไว้ให้จำนวน 30 วันต่อปี แต่พนักงานบางคนก็ใช้ช่องโหว่ตรงนี้ในการมาเล่นแง่กับบริษัทในการใช้วันลาป่วย แต่แท้จริงแล้วคือการป่วยทิพย์ แต่แค่อยากหยุดเฉยๆ ก็แค่นั้น โดยผลสำรวจจากพนักงานและนายจ้างจำนวน 2,800 คน บอกไว้ว่ามีการยื่นลาป่วยแบบที่ไม่ได้ป่วยจริงมากถึง 32 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว หากพูดง่ายๆ ก็คือ มีการใช้ลาป่วยทิพย์อย่างน้อย 1 ครั้ง ภายในปี 1 ปี แถมคนไหนที่ร้ายๆ หน่อยก็ใช้กันมากกว่า 1 ครั้งอีกต่างหาก

5. นินทาคนอื่นเป็นกิจวัตร

เรื่องราวของการนินทาแม้จะมีอยู่ในทุกสังคม โดยเฉพาะในสังคมมนุษย์เงินเดือน ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเป็นการนินทาเล็กๆ น้อยๆ แบบขำๆ พอหอมปากหอมคอ อาจเป็นสิ่งที่พอรับได้ แต่ถ้าเกิดการนินทานั้นดูหนักข้อขึ้น จนเป็นการสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในออฟฟิศ หรือพาลให้เกิดความขัดแย้งในที่ทำงานแล้วล่ะก็ แบบนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และส่งผลไม่ดีต่อองค์กรอย่างแน่นอน

6. คุยโทรศัพท์ส่วนตัวในเวลางาน

เข้าใจว่าทุกคนย่อมมีชีวิตและภาระส่วนตัว ดังนั้นจริงๆ แล้วการคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวในเวลางาน อาจจะไม่เรื่องที่ผิดอะไรนัก เพราะทุกคนย่อมมีธุระและเรื่องด่วนกันได้เสมอ แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาดันเอาเวลาไปงานไปโทรศัพท์คุยเล่นกับเพื่อนในเรื่องที่ไม่จำเป็นบ้าง หรือหายตัวไปจากโต๊ะทำงาน เพื่อคุยโทรศัพท์นานๆ บ้าง ที่แย่ไปกว่านั้นคือบางคนก็โทรศัพท์กันที่โต๊ะทำงานไปเลย แถมยังพูดเสียงดังอีกต่างหาก ทำให้เกิดการรบกวนและทำลายสมาธิการทำงานของคนอื่นๆ ได้ แถมยังอาจทำให้กระทบกับงานที่ทำอยู่อีกด้วย

7. รับบทแม่ค้า เปิดตลาดขายของ

สมัยนี้หลายคนมักหารายได้เสริมกันทั้งนั้น โดยการขายของออนไลน์ก็เป็นเรื่องที่หลายคนนิยมทำ ดังนั้นการนำสินค้ามาให้ขายให้แก่เพื่อนๆ ในออฟฟิศ ก็อาจไม่เรื่องแปลกและไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไรนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ภายใต้คำว่ากาละเทศะด้วยเช่นกัน หากการขายของเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เสียการเสียงานได้ หรือบางเคสดันมีการใช้อีเมลของออฟฟิศหรือกลุ่มแชทสำหรับเรื่องานเพื่อการโปรโมทสินค้าตัวเอง แบบนี้ก็ถือว่าไม่เหมาะสมสักเท่าไรนัก

8. ทำตัวเป็นโทรโข่ง

จริงอยู่ที่ทุกการทำงานต้องมีการคุยกันเพื่อการสื่อสารที่เคลียร์และชัดเจน ไม่ให้เกิดการผิดพลาดในการทำงาน ซึ่งหากบทสนทนาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้ หรือจะเป็นการคุยเล่นเพื่อผ่อนคลายในระยะเวลาสั้นๆ จากงานที่ตึงเครียด ก็ย่อมพออนุโลมได้ แต่ถ้าหากเสียงที่เกิดขึ้น ดันเป็นเสียงเพลงจากลำโพง เสียงหัวเราะพูดคุยหยอกล้อกันตลอดทั้งวัน ย่อมก่อให้เกิดการทำลายสมาธิในการทำงานของเพื่อนร่วมงานแน่ๆ

9. ชีพจรลงเท้า

บางคนเดินเก่งยิ่งกว่านักวิ่งมาราธอน เพราะจะมีพนักงานบางบวกที่ชอบเดินไปคุยกับคนนู้นทีคนนี้ที เดินไปหากันแบบข้ามแผนก แล้วยืนเม้าท์กันแบบนานเกินเหตุ ซึ่งปัญหานี้จะพบได้ในหลายๆ องค์กร เสมือนกาารเข้าสังคมกลายๆ แต่บางคนอาจลืมไปว่า ทุกแผนกย่อมมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป และในคนแผนกนั้นๆ ก็ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับเราทุกคน ดังนั้นการที่คนประเภทนี้เดินไปหาเพื่อนต่างแผนกในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม อาจสร้างความรำคาญใจให้แก่พนักงานร่วมออฟฟิศคนอื่นๆ ได้ แถมยังไม่เป็นผลดีต่อการทำงานด้วย

10. เคลมทุกอย่างเป็นผลงานตัวเอง

เคยไหมที่ทำงานแทบตายแบบถวายหัว แต่สุดท้ายโดนเพื่อนร่วมงานขโมยเครดิตไปเสียอย่างนั้น บุคคลจำพวกนี้ก็สามารถเจอได้บ่อยเช่นกัน ในขณะที่เริ่มงานตั้งแต่การเบรนสตรอมตลอดไปจนถึงขั้นตอนการลงมือทำงาน กลับหายหัว หรือผลุบๆ โผล่ๆ ไม่แสดงไอเดียหรือลงมือทำสักเท่าไร แต่เมื่อถึงเวลาที่งานชิ้นนั้นประสบความสำเร็จหรือได้รับผิดชอบ กลับรีบโผล่มาเคลมผลงานแบบติดสปีด หรือถ้างานชิ้นนั้นเกิดมีข้อผิดพลาด ก็โยนความผิดให้เพื่อนร่วมทีมเสียด้วยซ้ำ

Facebook fanpage : GeeHRM Line@ : 640vtamj Tiktok : GeeHRM Website: GeeHRM

en_USEN