Phone

Line

Wechat

Hide

เลือกงานยังไงให้ดีอยู่ได้นาน ๆ

by | Feb 13, 2023 | Uncategorized

เราจะเลือกงานยังไงให้ดี ส่วนใหญ่คนเราจะตัดสินใจเลือกงานงานนึงก็คงจะหนีไม่พ้นปัจจัยหลักอย่างเรื่องเงินเดือน ตำแหน่ง หรือชื่อเสียงของบริษัท ซึ่งบางครั้งเราเลือกให้ความสำคัญกับมันเป็นอันดับหนึ่ง จนลืมหรือลดความสำคัญของปัจจัยอื่น ๆ ไปเลย เช่น เราเอาเงินเดือนเป็นที่ตั้งมากกว่าความชอบหรือความถนัด เราเลือกแต่ตำแหน่งสูง ๆ จนลืมคิดว่างานนั้นไม่ได้เหมาะกับ Personality ของตัวเอง หรือเรามองชื่อเสียงของบริษัท มากกว่าระยะทางไป-กลับจากบ้านและที่ทำงาน ซึ่งปัจจัยที่เรามองข้ามหรือลดความสำคัญพวกนี้แหละที่สามารถส่งผลให้เราทนทำงานได้ไม่นาน จึงมีเคล็ดลับเลือกงานยังไงให้อยู่ได้นานมาฝากเด็กจบใหม่หรือคนทำงานที่กำลังหางานอยู่ตอนนี้

เลือกงานยังไงให้ดี

ดังนั้นเราจะเลือกงานยังไงให้ดีอยู่ได้นาน ๆ ดูจากอะไรได้บ้าง เช่น

งานที่ถนัดและทำได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่จะชอบถูกคนที่บ้านตั้งความหวังเอาไว้เสมอ อยากให้เราเป็นนั่นเป็นนี่ อยากให้ทำตำแหน่งดี ๆ เงินเดือนเยอะ ๆ ได้อาชีพมั่นคง จนบางทีเราทำตามความพอใจของพวกเขาจนลืมถามตัวเองว่าเรากำลังเลือกงานให้ใคร ดังนั้นต้องกลับมามองว่าถ้าเราเลือกงานให้ตัวเอง เราก็ต้องเลือกงานที่จะทำให้เรามีความสุข และตอบโจทย์ในมุมต่าง ๆ ของเราเป็นอันดับแรก ซึ่งนั่นก็คืองานที่เรารักที่จะทำ เพราะงานที่เรารักมันพิเศษตรงที่มันจะมีแรงขับเคลื่อนบางอย่างที่สามารถทำให้เราทำมันได้อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

รวมถึงถ้าเราได้ทำงานที่ถนัดด้วยแล้ว เราจะรู้สึกว่าชีวิตการทำงานมันง่ายกว่าที่คิด หรือถ้ามันยาก แต่ถ้าเรารัก เราก็จะอยากทำมันให้สำเร็จ แต่ถ้าเราเลือกงานเงินเดือนเยอะ ตำแหน่งสูง บริษัทดัง แต่ไม่ได้รักหรือไม่ถนัดงานนั้นเลย ทุกอย่างจะดูยากสำหรับเราไปหมด เราจะเครียดกับงานทุกวัน กดดันตัวเองทุกวัน จนสุดท้ายก็กลายเป็นสาเหตุให้เราลาออกในที่สุด

สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นอย่างไร

หลังจากที่หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแล้วลองดูภาพคร่าวๆ ของบริษัทนั้นๆ ว่าวัฒนธรรมองค์กรและลักษณะการทำงานเหมือนอย่างที่คุณหาข้อมูลมาไว้หรือ ผู้คนแต่งตัวอย่างไร การทำงานดูกดดันหรือไม่ หรือดูสนุกสนาน หัวหน้างานที่มาสัมภาษณ์คุณมีลักษณะนิสัยใจคออย่างไรตอนที่สัมภาษณ์คุณ หลังจากให้ลองคิดดูว่าหากคุณต้องมาทำงานที่นี่ 5 วันต่อสัปดาห์คุณมีความรู้สึกอย่างไร

อย่าลืมพิจารณาเรื่องสวัสดิการต่าง ๆ

แต่ละบริษัทมีวัฒนธรรมองค์กรต่างกัน รวมไปถึงสวัสดิการที่มอบให้แก่บริษัทด้วย ลองดูในหน้าเว็บไซต์ของบริษัทว่าบริษัทนั้นๆ มีกิจกรรมและสวัสดิการอย่างไรที่นอกเหนือไปจากเงินเดือนและโบนัส เช่น หากคุณต้องทำงานในตำแหน่งที่ต้องออกนอกบริษัทบ่อยๆ บริษัทมีเบี้ยเลี้ยงในส่วนนี้ไหม หรือบางบริษัทอาจจะมีสวัสดิการอาหารกลางวันหรือขนมที่พิเศษกว่าที่อื่นๆ ก็ได้

ทำรายการข้อดีข้อเสียเพื่อเปรียบเทียบ

การเขียนรายการข้อดีที่คุณชอบ และจุดที่คุณอาจจะเฉยๆ เกี่ยวบริษัทและตำแหน่งที่ได้รับเสนองาน พยายามเขียนรายการออกมาให้หมด จากนั้นให้แนนตามความสำคัญ เช่น คุณอาจจะเริ่มจากเขียนสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมาสัก 4 อย่าง สมมติว่าเป็น สถานที่ทำงานใกล้บ้าน งานตำแหน่งที่อยากทำจริงๆ เพื่อนร่วมงานดี แต่งตัวอะไรไปทำงานก็ได้ จากนั้นก็ลองให้คำแนนกับบริษัทต่างๆ แล้วหาแนนโดยรวมว่าตำแหน่งไหน จากบริษัทใดเหมาะสมกับคุณมากที่สุด

มองถึงความก้าวหน้า

บางบริษัทอาจจะให้เงินเดือนสูงและให้สวัสดิการที่น่าดึงดูดใจ แต่คุณต้องดูไปถึงความก้าวหน้าในสายอาชีพด้วย คุณอาจจะดูจากแผนภูมิบริษัทว่าบริษัทมีตำแหน่งงานเยอะหรือไม่ หากคุณเข้าทำงานในตำแหน่งนี้แล้วมีโอกาสจะขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นหรือไม่ เพราะว่าการทำงานในระดับที่สูงขึ้น คุณก็จะได้พัฒนาความสามารถของตัวเองทำให้มีคุณมีไฟในการทำงานตลอดเวลา

เชื่อมั่นในสัญชาติญาณของคุณ

ถ้าคุณยังมีปัญหาในการเลือกระหว่างงานทั้งหลายที่เสนอมาให้คุณ แต่คุณไม่สามารถตัดสินใจด้วยเหตุผลที่ลิสต์มาทั้งหมดได้เสียที คุณอาจจะลองใช้วิธีสุดท้ายนี้ นั่นก็คือความชอบจากสัญชาตญาณของคุณ ไม่มีใครรู้ความสุขของตัวเองดีเท่ากับตัวคุณ ซึ่งการใช้สัญชาติหรือเซนต์ของคุณ

งานที่ตรงกับบุคลิกหรือลักษณะนิสัยของตัวเอง

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอคนอื่นทักว่า “บุคลิกแบบนี้ ทำไมไม่ไปเป็น…” หรือ “นิสัยแบบนี้ ทำด้านนี้น่าจะรุ่งนะ” ซึ่งรู้ไหมว่าคำพูดหรือคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัวก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เราเลือกงานที่เหมาะกับตัวเองได้เหมือนกัน เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้สังเกตหรอกว่าตัวเองเป็นคนยังไง จนกระทั่งมีคนอื่นมาทัก มาแนะนำ ซึ่งมีนักจิตวิทยาชาวอเมริกันคนนึงชื่อว่า จอห์น แอล ฮอลแลนด์ (John L. Holland) เขาคิดค้นทฤษฎีการเลือกอาชีพจากบุคลิกออกมา เป็นทฤษฎีที่ชื่อว่า John Holland’s Theory of Career Choice (RIASEC) โดยเขาได้บอกว่าอาชีพกับบุคลิกมีความสอดคล้องกัน เขาเชื่อว่าคนเราจะมีความสุขและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อพวกเขาเลือกอาชีพที่ตรงกับบุคลิกและนิสัยของตัวเอง

งานที่ไม่ฝืนตัวเองจนเกินไป จนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิต

ปัจจัยลำดับต้น ๆ ที่เราใช้เลือกงานอย่างเงินเดือน ตำแหน่ง หรือชื่อเสียงบริษัท อาจจะส่งผลให้เรารู้สึกไม่แฮปปี้กับงานอย่างที่คิด เพราะการเลือกงานโดยยึดแค่ปัจจัยเดียวที่เราคิดว่ามันดีโดยไม่มองปัจจัยอื่นร่วมด้วย มีผลต่อความสุขและอาจทำให้รู้สึกฝืนทนในการทำงาน เช่น เรามองปัจจัยหลักคือเงิน ได้เงินเดือนเยอะจริงแต่ต้องทนกับการตื่นตีห้าเพื่อนั่งรถมาที่ทำงานหลายชั่วโมง หรือเรามองปัจจัยหลักคือตำแหน่งงานสูง ๆ เราได้ทำตำแหน่งสูงจริง แต่มันสูงเกินความสามารถ จนเรากดดันถึงขนาดเครียดลงกระเพาะ ดังนั้นอยากให้คิดว่าการยึดปัจจัยเดียวเป็นหลักโดยไม่มองปัจจัยอื่น ๆ เลย เราอาจจะฝืนตัวเองได้แค่ช่วงแรกเท่านั้น แต่ต่อมาเราจะรู้สึกทรมานตัวเอง และไม่มีความสุขกับการไปทำงานเลย

งานที่มีเวลาให้เราได้ใช้ชีวิต

ใคร ๆ ก็อยากมีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองชอบทั้งนั้น การเลือกงานที่มีเวลาให้เราได้ใช้ชีวิต หรือมี Work-Life Balance ที่ดีสำคัญมาก โดยมีผลสำรวจนึงของชาวอเมริกันพบว่าเหตุผลอันดับแรกในการเปลี่ยนงานของพวกเขาไม่ใช่เรื่องเงินเดือน แต่เป็นการอยากมี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น หลายคนอยากทำงานกับบริษัทที่มีแนวคิดให้ความสำคัญทั้งด้านการทำงานและชีวิตส่วนตัว ไม่ใช่ต้องอุทิศชีวิตให้แต่กับงานจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง ซึ่งการเลือกงานหรือบริษัทที่มีแนวคิดที่เปิดโอกาสให้เราได้ใช้ชีวิตทั้งสองด้านให้สมดุลกัน ทั้งด้านการทำงาน และ การใช้ชีวิตพักผ่อน ทำกิจกรรมที่ชอบ จะทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างแฮปปี้ และไม่นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “ภาวะหมดไฟในการทำงาน” จนต้องลาออกในที่สุด

สรุป

เราไม่ได้บอกว่าการเลือกงานโดยยึดปัจจัยเรื่องเงินเดือน ตำแหน่งงาน หรือชื่อเสียงของบริษัทนั้นไม่ดี แต่แค่ไม่อยากให้เทน้ำหนักไปที่ปัจจัยใดปัจจัยนึงมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เพราะทุกปัจจัยล้วนที่มีผลต่อความสุขของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกงานงานนึง อยากให้เอาหลาย ๆ ปัจจัยมาลองชั่งน้ำหนักหาข้อดีข้อเสียก่อน เพราะการเลือกงานก็เหมือนการเลือกบ้านดี ๆ สักหลัง ถ้าเราคิดและรอบคอบในการเลือกมากที่สุด สุดท้ายเราจะมีความสุขและอยู่กับมันได้นาน

Facebook fanpage : GeeHRM Line@ : 640vtamj Tiktok : GeeHRM Website: GeeHRM

en_USEN